Orlistat ยาลดการดูดซึมไขมัน ลดความอ้วน (มี อย.ไทย ตรวจสอบได้)
Orlistat ยาลดการดูดซึมไขมัน ลดความอ้วน มีการศึกษายา Orlistat ของ Torgerson และคณะ (XENDOS study) ที่ได้ทำการศึกษาในผู้ป่วยที่มีน้ำหนักตัวมาก (BMI มากกว่าหรือเท่ากับ 30 กิโลกรัมต่อตารางเมตร) จำนวน 3,304 คน เป็นระยะเวลา 4 ปี โดยแบ่งผู้ป่วยเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่ได้รับ Orlistat และกลุ่มที่ได้รับยาหลอก ทั้งนี้ผู้ป่วยทั้งหมดจำเป็นต้องควบคุมอาหาร และมีการออกกาลังกายอย่างสม่ำเสมอ ควบคู่ไปกับการรับประทานยาด้วย ผลการทดลองพบว่า กลุ่มที่ได้รับ Orlistat สามารถลดน้ำหนักได้ดีกว่ากลุ่มที่ได้รับยาหลอกและยังช่วยชะลอการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้อย่างชัดเจนโดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยงเบาหวาน(impaired glucose tolerance)
ยาลดการดูดซึมไขมัน ยาลดความอ้วน Orlistat คืออะไร
Orlistat เป็นยาลดความอ้วนที่มีกลไกการออกฤทธิ์โดยการยับยั้งเอนไซม์ gastric lipase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่สร้างมาจากกระเพาะอาหารและยับยั้ง pancreatic lipase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่สร้างมาจากตับอ่อน เอนไซม์เหล่านี้ทำหน้าที่ย่อยสลายไขมันจากอาหารที่อยู่ในรูปไตรกลีเซอไรด์ซึ่งเป็นไขมันที่มีขนาดโมเลกุลใหญ่ให้กลายเป็นกรดไขมันและกลีเซอรอลซึ่งมีขนาดโมเลกุลเล็กลง เมื่อเอนไซม์ถูกยับยั้งจึงทำให้ไขมันยังคงอยู่ในลักษณะที่เป็นโมเลกุลใหญ่จึงไม่สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ ทำให้เกิดการขับถ่ายเป็นไขมันออกทางอุจจาระ ดังนั้น Orlistat จะออกฤทธิ์ได้ก็ต่อเมื่อมีอาหารที่มีไขมันอยู่เท่านั้น ไม่ว่าไขมันจะอยู่ในอาหาร นม หรือน้ำมันก็ตาม
ข้อบ่งใช้ Orlistat ยาลดการดูดซึมไขมัน ลดความอ้วน
Orlistat เป็นยาที่มีข้อบ่งชี้สำหรับผู้ที่เป็นโรคอ้วน (obesity) มักจะเริ่มใช้ยาในกรณีที่ผู้ป่วยมีค่าดัชนีมวลกาย (Body Mass Index; BMI) มากกว่าหรือเท่ากับ 30 กิโลกรัมต่อตารางเมตร หรือในกรณีที่ผู้ป่วยมี BMI มากกว่าหรือเท่ากับ 27 กิโลกรัมต่อตารางเมตร ร่วมกับมีโรคแทรกซ้อนที่เกี่ยวกับโรคอ้วน เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน หรือโรคไขมันในเลือดสูง โดยที่ผู้ป่วยได้ผ่านการรักษาด้วยการควบคุมอาหาร การออกกาลังกายและการปรับพฤติกรรมแล้วไม่สามารถลดน้าหนักได้จนถึงเป้าหมาย โดยการใช้ยา orlistat จะได้ผลดีนั้นจำเป็นต้องทำควบคู่ไปกับการควบคุมอาหารและการเพิ่มการออกกำลังกายเสมอ
ขนาดยาและวิธีการรับประทาน
ปัจจุบันประเทศไทยมี orlistat ในรูปแบบแคปซูลขนาดความแรง 120 มิลลิกรัม โดยขนาดปกติที่แนะนำคือ รับประทานครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 3 ครั้ง รับประทานพร้อมหรือหลังอาหารไม่เกิน 1 ชั่วโมง
โดยยา orlistat สามารถยับยั้งการดูดซึมไขมันได้สูงสุดที่ร้อยละ 30 ของปริมาณไขมันทั้งหมดที่รับประทานเข้าไป จะเห็นว่ายังมีไขมันอีกร้อยละ 70 ที่สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ จึงไม่ได้หมายความว่าหากรับประทานยาเข้าไปแล้วจะสามารถรับประทานอาหารที่มีไขมันได้ไม่จำกัด นอกจากนี้การใช้ยามากกว่า 360 มิลลิกรัมต่อวัน ไม่ได้ทำให้ประสิทธิภาพของยามากขึ้นแต่อย่างใด
ผลข้างเคียงและข้อควรระวังของยา
Orlistat มีผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นเนื่องมาจากกลไกการออกฤทธิ์ของยาเอง การที่ไขมันไม่ถูกย่อยและไม่ถูกดูดซึมทำให้ไขมันออกมาพร้อมอุจจาระ ดังนั้นอาการที่พบบ่อยๆ คือ มีน้ำมันปนออกมากับอุจจาระ มีความอยากถ่ายอุจจาระบ่อยครั้งกว่าเดิม ควบคุมการขับถ่ายลำบาก ปวดมวน ไม่สบายท้อง และผายลมได้ โดยมักจะมีโอกาสเกิดขึ้นมากถึงร้อยละ 80 และระดับความรุนแรงก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่อาการเหล่านี้จะดีขึ้นหากใช้ยาไปแล้วประมาณ 1-2 สัปดาห์
ยาลดความอ้วน Orlistat ยับยั้งการดูดซึมของไขมัน ส่งผลทำให้วิตามินบางตัวที่ละลายได้ในไขมันถูกดูดซึมลดลง มีการรายงานว่ามีการลดลงของระดับวิตามินอีและวิตามินดีในเลือด ในผู้ป่วยโรคอ้วนและโรคไขมันในเลือดสูงที่รับประทานยา orlistat ขนาด 10-120 มิลลิกรัมทุกวัน ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน 2-3 เดือน ส่วนการลดลงของวิตามินดีพบในผู้ที่ได้รับยาขนาด 120 มิลลิกรัมวันละ 3 ครั้ง สำหรับวิตามินเอยังไม่พบว่าเกิดการลดลงของระดับวิตามินในเลือดอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม จึงมีการแนะนำให้รับประทานวิตามินเสริมร่วมด้วยในผู้ป่วยที่ใช้ยา Orlistat ติดต่อกันนานมากกว่า 3 เดือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีความเสี่ยงในการขาดวิตามินอยู่แล้ว
ยาลดการดูดซึมไขมัน Orlistat เป็นยาลดน้ำหนักที่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับยาลดความอ้วนชนิดอื่น แต่ในบางครั้งอาจพบผู้ป่วยหยุดยาเนื่องจากทนผลข้างเคียงไม่ได้ เช่น มีน้ำมันปนออกมากับอุจจาระ มีความอยากถ่ายอุจจาระบ่อยครั้ง ควบคุมการถ่ายลำบาก วิธีการลดผลข้างเคียงที่เกิดจากยา Orlistat คือ การลดอาหารที่มีไขมัน ซึ่งจะทำให้ไขมันที่ออกมาทางอุจจาระมีปริมาณที่ลดลงได้
นอกจากนี้องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (USFDA) แนะนำให้บุคลากรทางการแพทย์แจ้งแก่ผู้ใช้ยาถึงอาการที่อาจเกิดขึ้น ผู้ป่วยควรหยุดรับประทานยาหากมีอาการผิดปกติ เช่น เบื่ออาหาร มีผื่นคัน ตัวเหลือง ตาเหลือง ปัสสาวะมีสีเข้ม อุจจาระมีสีซีด มีอาการปวดท้อง เพราะอาจนำไปสู่ความผิดปกติที่รุนแรงต่อตับจากการใช้ยา
สำหรับหญิงตั้งครรภ์ Orlistat ถูกจัดอยู่ในยาที่มีความปลอดภัยในประเภท B คือไม่มีความเสี่ยงในการทำให้เกิดความผิดปกติของตัวอ่อนในครรภ์ของสัตว์ทดลอง และไม่มีรายงานการศึกษาในมนุษย์ ยานี้ยังไม่มีข้อมูลการใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีและหญิงให้นมบุตรจึงยังไม่มีคำแนะนำในการใช้ Orlistat ในกลุ่มดังกล่าว
ปฏิกิริยากับยาอื่น
เมื่อใช้ Orlistat ร่วมกับยาบางตัวที่มีคุณสมบัติในการชอบไขมันสูงอาจทำให้ระดับยานั้นลดลงได้ เช่น Amiodarone ซึ่งเป็นยาที่ใช้รักษาอาการหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ และ Cyclosporine ซึ่งเป็นยาเพื่อใช้ในการกดภูมิคุ้มกันจากโรคหรือจากการปลูกถ่ายอวัยวะ การใช้ Orlistat ร่วมกับยาเหล่านี้อาจทาให้ระดับยาในเลือดของยาดังกล่าวลดลงได้
สำหรับผู้ที่รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด Warfarin อยู่ ถึงแม้ว่า Orlistat ไม่มีผลในการเปลี่ยนแปลงเภสัชจลนศาสตร์ของ Warfarin แต่การที่ Orlistat ไปรบกวนการดูดซึม Vitamin K จึงอาจส่งผลรบกวนต่อการออกฤทธิ์ของยา Warfarin และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดเลือดออกได้
Orlistat นั้นถือเป็นยาลดความอ้วนที่มีประสิทธิภาพดี และยังสามารถใช้ป้องกันน้ำหนักเพิ่มหลังมีการลดความอ้วนแล้ว รวมถึงพบผลข้างเคียงน้อยเมื่อเทียบกับยาลดความอ้วนตัวอื่น อย่างไรก็ตามการลดน้ำหนักและรักษาโรคอ้วนที่ได้ผลดีที่สุดนั้นต้องประกอบด้วยการควบคุมอาหาร การออกกาลังกายและการปรับพฤติกรรม การใช้ยาลดความอ้วนสามารถนามาใช้เพียงเพื่อเสริมวิธีการดังกล่าวเท่านั้น ผู้ป่วยโรคอ้วนที่จาเป็นต้องใช้ยาควรตระหนักเสมอว่าการใช้ยาให้ได้ประสิทธิผลต้องมีการควบคุมอาหาร การออกกาลังกายอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมร่วมด้วย
Reviews
There are no reviews yet.